ความปลอดภัยในการจัดเก็บสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์และสารอะซิโตน
ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าสารเคมีจำนวนมากเพื่อนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม สาธารณสุข และอื่นๆ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมได้มีการนำเข้าสารเคมีชนิดต่างๆ จำนวนมากเก็บสำรองไว้ใช้ในกระบวนการผลิต บรรจุไว้ในภาชนะขนาดต่างๆ กัน เช่น บรรจุในขวดแก้วขนาด ๑ ลิตร หรือ ๒.๕ ลิตร และบรรจุในถังขนาด ๒๐ ลิตร หรือ ๒๐๐ ลิตรทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละอุตสาหกรรมว่าจะนำมาใช้ในงานประเภทใด แต่ปัญหาที่พบบ่อยคือ เรื่องของการจัดเก็บสารเคมีเหล่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากสารเคมีแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน จึงมีข้อจำกัดในการจัดเก็บที่ไม่เหมือนกัน ตัวอย่าง เช่น สารกัดกร่อนประเภท กรดแก่ ด่างแก่ สารออกซิไดซ์ สารไวไฟ สารที่ระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน เป็นต้น จากคุณสมบัติ ของสารที่แตกต่างกันจึงต้องมีความระมัดระวังในเรื่องของการจัดเก็บเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่ในการจัดเก็บสารเคมีจะต้องมีความรู้ในเรื่องของคุณสมบัติของสารแต่ละชนิดเป็นอย่างดี และที่สำคัญ คือ ต้องมีข้อมูลเคมีภัณฑ์ (Safety Data Sheet) หรือที่เรียกกันทั่วๆ ไปว่า SDS ของสารแต่ละชนิดที่ทำการจัดเก็บ เพื่อที่จะได้ทราบรายละเอียดของสารชนิดนั้นๆ ว่า เป็นสารประเภทใด มีคุณสมบัติอย่างไร การจัดเก็บควรแยกห่างจากสารชนิดใด บริเวณที่จัดเก็บควรมีลักษณะอย่างไร และใช้ สารอะไรในการดับเพลิงกรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เป็นต้น
สถานประกอบกิจการหลายแห่งที่ยังไม่ทราบวิธีการจัดเก็บสารเคมีที่ใช้อยู่ว่าจะเก็บแบบใดจึงจะปลอดภัย ตัวอย่างเช่น มีคำถามมาว่าสารอะซีโตนสามารถเก็บไว้ในที่เดียวกับสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ได้หรือไม่ จึงขอชี้แจงตามคุณสมบัติของสารทั้งสองชนิดดังนี้
สารอะซีโตน (Acetone)
สารอะซีโตน มีชื่อเรียกอื่นๆอีก ได้แก่ Propanone, 2-Propanone, Propane-2-one, Dimethyl ketone เป็นต้น สารชนิดนี้มีคุณสมบัติเป็นของเหลวใส ไม่มีสีระเหยง่าย เป็นสารไวไฟสูง กลิ่นคล้ายมินท์ ใช้เป็นสารทําละลายในกระบวนการ ต่างๆของเรซิน แลกเกอร์ไขขี้ผึ้ง ส่วนผสมของหมึกพิมพ์พลาสติก วาร์นิช และสารสกัดไขมันต่างๆ
การเก็บรักษา
เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด มีฉลากกํากับชัดเจน ในท่ีที่มีอากาศถ่ายเทดีเย็นและแห้ง ห่างจากแสงแดด แหล่งกําเนิดประกายไฟ เปลวไฟ แหล่งความร้อน เก็บให้ห่างจากสารที่เข้ากันไม่ได้เช่น สารออกซิไดซ์คลอโรฟอร์ม แอลคาไล สารประกอบคลอรีน กรดและสารผสมระหว่างกรดไนตริกเข้มข้นและกรดซัลฟูริกเป็นต้น
สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(H2O2)
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์มีชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ Peroxide, Dihydrogen dioxide, Peroxan, Hioxy, Perhydrol เป็นต้น สารนี้เป็นสารออกซิไดซ์ที่รุนแรง จัดเป็นสารเคมีประเภทให้ออกซิเจน (Oxidizing Agents) สารนี้เมื่อได้รับความร้อนหรือติดไฟจะให้ ออกซิเจนที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการติดไฟทําให้เกิดการเผาไหม้ของสารอื่นที่อยู่ใกล้เคียงแม้จะอยู่ในที่ซึ่งไม่มีออกซิเจนก็ตาม และในกรณีที่อุณหภูมิสูงอาจทําให้ภาชนะที่บรรจุระเบิดได้ดังนั้นในการจัดเก็บควรดําเนินการดังนี้
1. เก็บสารประเภทนี้ไว้ในสถานที่มีอากาศถ่ายเทอย่างเพียงพอ ในห้องที่มีอากาศเย็น มีระบบป้องกันไฟไหม้อาคาร เก็บแข็งแรงโครงสร้างทําด้วยวัสดุทนไฟ หากมีสารเคมีหกหรือรั่วไหลต้องทําความสะอาดทันที
2. ห้ามเก็บใกล้กับวัตถุที่เผาไหม้ได้เช่น น้ํามันเชื้อเพลิง หรือสารไวไฟ เช่น อะซีโตน และทินเนอร์เป็นต้น
3. ต้องไม่เก็บในที่มีแสงแดดส่องถึง เก็บห่างจากแหล่งกําเนิดความร้อน เก็บแยกจากสาร ประเภทเปอร์แมงกาเนต สารออกซิไดซ์อื่นๆ และโลหะชนิดต่างๆ เช่น เหล็ก ทองแดง ทองเหลือง ทอง โครเมี่ยม สังกะสี ตะกั่ว แมงกานีส เงิน โดยเฉพาะโลหะชนิดผง เป็นต้น
จากข้อมูลของสารอะซีโตน และสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์สามารถบอกได้ว่า สารอะซีโตนไม่ควรเก็บไว้ในที่เดียวกัน กับสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ทั้งนี้เนื่องจากสารอะซีโตนเป็นสารไวไฟ ระเหยได้ที่อุณหภูมิห้อง ดังนั้นหากเกิดถังชํารุด หรือฝา ถังของสารอะซีโตนปิดไม่สนิทเกิดการระเหย หกหรือรั่วไหล มีไอระเหยออกมาขณะเดียวกันหากมีความร้อนหรือแหล่งประกาย ไฟ ในบริเวณดังกล่าวก็จะทําให้เกิดการติดไฟขึ้นและเมื่อสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ได้รับความร้อนจะทําให้เกิดแรงดันและ ระเบิดออกมาขณะเดียวกันสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ก็เป็นตัวให้ออกซิเจน ส่งผลให้เกิดการติดไฟที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้ใดก็ตามที่ทําการจัดเก็บสารเคมีแต่ละชนิดควรจะมีความตระหนักในเรื่องของความไม่ปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้นดังเช่นที่กล่าวมา
เอกสารอ้างอิง
1. การระงับอุบัติภัยจากสารเคมี, กองความปลอดภัย กรมโรงงานอุตสาหกรรม.
2. เอกสารข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ (MSDS), ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ กรมควบคุมมลพิษ.
3. http://www.most.go.th